Conference Day ภายใต้โครงงาน “Thailand Youth Policy Initiative – TYPI by IFMSA-Thailand 2022”

ช่วงวันที่ 1 ต.ค. 2565 ที่ทำการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน) ร่วมกับที่ทำการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) และก็แบงค์กรุงไทย ด้วยกันจัดแข่งขันหลักการแล้วก็ของใหม่ด้านสังคมของคนรุ่นหลัง ในการพัฒนาระบบเตรียมตัวเพื่อรองรับสังคมสูงอายุของเมืองไทย ผ่านการจัดทำร่างแผนการสุขภาพรวมทั้งของใหม่ดิจิทัลเพื่อสุขภาพ Conference Day ภายใต้โครงงาน “Thailand Youth Policy Initiative – TYPI by IFMSA-Thailand 2022”

ภายหลังจากการเปิดรับสมัคร มีเยาวชนคนรุ่นหลังพึงพอใจมีผลงานเข้าแข่งขันถึง 150 กลุ่ม โดยกลุ่มที่ได้รับรางวัลชนะ ดังเช่นว่า “กลุ่ม PM” จากผลงาน “Med For All” หลักการเครื่องมือทางการแพทย์หมุนวนเพื่อทุกคนและก็แพลตฟอร์มดิจิตอลเพื่อการเข้าถึงเครื่องมือทางการแพทย์อย่างทั่วถึง และก็ตามด้วยรางวัลรองชนะเลิศชั้น 1 ดังเช่นว่า กลุ่ม “นวัต girl” จากผลงานแอปพลิเคชัน “มีดี” แพลตฟอร์มดิจิทัลสาธารณะเพื่อการผลิตเสริมค่าให้กับคนสูงอายุ รางวัลรองชนะเลิศชั้นที่ 2 ตัวอย่างเช่น “กลุ่ม Eldente” ในผลงานแพลตฟอร์มดิจิตอล “อิ่มสุข” ซึ่งเป็นแนวทางการดูแลภาวการณ์ทุพโภชนาการในคนวัยแก่

นอกเหนือจากนี้ ยังมีรางวัล Honorable Mention ซึ่งมอบให้กับ “กลุ่ม กขค.” จากผลงานหลักการ All Connected เพื่อดูแลคนสูงอายุ และก็แอปพลิเคชัน “คนแก่สูงสุข” และก็รางวัลขวัญใจวัยเก๋า อาทิเช่น “กลุ่ม Young But Healthier”

นพ.เทียน ธนกิจก้าวหน้า เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน บอกว่า ขณะนี้ เมืองไทยได้ไปสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสุดกำลัง และก็การดูแลคนวัยชรานั้นก็มีความยากและก็สลับซับซ้อน ซึ่งนอกเหนือจากการที่จะจะต้องดูแลเรื่องสุขภาพแล้ว ยังจำเป็นต้องเชื่อมโยงอีกทั้งในด้านเศรษฐกิจ สังคม สภาพแวดล้อม ดังนั้น การแข่งขันคำแนะนำเชิงแนวทาง พร้อมสิ่งใหม่ทางด้านสังคมดังที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ก็เลยมีความหมายมากมาย เพราะเหตุว่าเยาวชนคนรุ่นหลังจะมาเป็นคนที่ดูแลประเทศในอนาคต โดยมีเครื่องไม้เครื่องมือที่สำคัญเป็นดิจิทัล รวมทั้งข้อแนะนำต่างๆในเวทีการแข่งขันคราวนี้จะก่อให้เกิดการมีส่วนร่วมสำหรับในการทำข้อเสนอแนะเชิงแนวนโยบายถัดไป

นอกเหนือจากนั้น นพ.ไฟ ยังกล่าวเพราะว่า หน่วยงานที่ด้วยกันจัดแจงแข่งขันคราวนี้ก็จะผสานพลังที่มีสำหรับการสืบต่อแนวทางเพื่อผู้สูงวัยในแบบต่างๆไม่ว่าจะเป็นแบงค์กรุงไทยที่มีความแข็งแกร่งอีกทั้งด้านบริการ แล้วก็เรื่องดิจิทัล ซึ่งสามารถนำแนวความคิดไปต่อยอดปรับปรุงระบบบริการมากขึ้นได้ ส่วน สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน ก็จะช่วยเหลือให้เยาวชนจับกลุ่มกันเป็นโครงข่ายเพื่อเล่าเรียนเรื่องอื่นๆถัดไป ทั้งสำหรับในการร่วมคณะบุคคลแห่งชาติในธ.ค.นี้ ก็จะมีเรื่องมีราวเกี่ยวกับการรับรองรายได้ถ้วนหน้า หรือรายได้รากฐาน รวมทั้งการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนแก่ด้วย

ด้าน ทพ.อรรถพร ลิ้มสติปัญญาเยี่ยม รองเลขาธิการ สปสช. บอกว่า ถึงแม้ว่า สปสช. มีการดูแลรักษาสุขภาพร่างกาย การผลิตเสริมสุขภาพคุ้มครองปกป้องโรคของคนประเทศไทยทุกคน และมีสิทธิคุณประโยชน์ด้านค่าพยาบาล ที่สามารถจะช่วยแบ่งเบาภาระรายจ่ายของพลเมือง อย่างไรก็แล้วแต่ เหตุการณ์โรควัววิด-19 ที่เกิดขึ้น ก็ทำให้พวกเราเจอปัญหาเรื่องการเข้าถึงการดูแลรักษาพยาบาล ด้วยเหตุนี้ การมีร่างกายแข็งแรงก็เลยเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

“โดยเหตุนี้ แม้ว่าจะมีระบบระเบียบหลักประกันสุขภาพ จัดว่ามีความยั่งยืนระดับหนึ่ง แม้กระนั้นพวกเรายังอยากวัสดุบางสิ่ง แนวความคิดบางสิ่งบางอย่าง เป็นของใหม่ที่ทำให้คนประเทศไทยเข้าถึงการมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงได้ ซึ่งผลงานที่น้องๆส่งเข้ามาล้วนมีความคิดประดิษฐ์รวมทั้งมีความตั้งอกตั้งใจที่ดี และก็จะเป็นพลังให้กับประเทศถัดไป” ทพ.อรรถพร กล่าว

นายเครื่องหมายชัย ชีวีความสนุก รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ แบงค์กรุงไทย กล่าวมาว่า แบงค์กรุงไทย ร่วมช่วยเหลือโครงงาน Thailand Youth Policy Initiative 2022 เพื่อส่งเสริมและก็ให้โอกาสให้เยาวชนแบบใหม่สร้างสรรค์นำเทคโนโลยี เพิ่มเติมกับความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ก่อกำเนิดสิ่งใหม่ใหม่ๆเน้นระบบเตรียมตัวเพื่อรองรับสังคมสูงอายุของไทย โดยการบูรณาการในทั้งยัง 4 มิติ ยกตัวอย่างเช่น สาธารณสุข เศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม แล้วก็สังคม ซึ่งสอดคล้องกับกระบวนการดำเนินธุรกิจของแบงค์ ที่พร้อมเคลื่อนหน่วยงานให้เติบโตพร้อมกันไปกับสังคม

ยิ่งไปกว่านี้ นายเครื่องหมายชัยยังกล่าวเพราะว่า แบงค์กรุงไทยได้ใช้เทคโนโลยีรวมทั้งสิ่งใหม่ทางด้านการเงิน สำหรับเพื่อการยกฐานะส่วนประกอบเบื้องต้นเพื่อขับประเทศสู่สังคมดิจิทัลในอนาคต พร้อมเชื่อมโยงกับ 5 ระบบนิเวศหลักของแบงค์ โดยในด้านการดูแลรักษาพยาบาลรวมทั้งสุขภาพ ก็ได้ใช้ Health Wallet หรือ กระเป๋าตังสุขภาพ บนแอปพลิเคชันเป๋าตัง สำหรับในการทำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้นการให้บริการด้านสาธารณสุข ให้ชาวไทยตั้งแต่ต้นกำเนิดจนกระทั่งวัยสูงอายุอย่างทั่วถึง ทัดเทียมและก็มีร่างกายแข็งแรงเพิ่มขึ้น รวมทั้งจะนำผลงานจากการแข่งขันคราวนี้ไปต่อยอดตามวิสัยทัศน์ของแบงค์เป็น“กรุงไทย ใกล้เคียงไทย สู่ความยั่งยืนและมั่นคง“

นศพ.พีรดนย์ ความชื่นชมเวทกุล นักเรียนแพทย์ชั้นปีที่ 3 และก็ นศพ.ดาริณ ตั้งสิทธิธรรม นักเรียนแพทย์ชั้นปีที่ 3 จากกลุ่ม PM ด้วยกันให้ข้อมูลว่า เพราะเหตุว่าปัจจุบันนี้เมืองไทยได้ไปสู่สังคมคนสูงอายุ แม้ไม่จัดการกับปัญหาอะไรจะมีผลให้เมืองจะต้องใช้งบประมาณเยอะขึ้น 1 ล้านล้านบาท จากงบประมาณการแผ่นดิน 3.5 ล้านล้านบาท สำหรับการดูแลคนชราในภาวการณ์พึ่งพาอาศัย ด้วยเหตุนั้นการปกป้องคุ้มครองปัญหาเกี่ยวกับสุขภาพก่อนไปสู่ภาวการณ์พึ่งพาก็เลยเป็นสิ่งจำเป็น แม้ราษฎรสามารถเข้าถึงเครื่องมือการแพทย์ที่ราคาแพงแพงได้ จะช่วยทำให้ลดการเป็นง่อยได้ ก็เลยสร้างสรรค์แอปฯ ศูนย์รวมเครื่องมือการแพทย์เวียนสำหรับยืมได้ และก็เสนอให้ภาครัฐนำหลักการนี้ไปไตร่ตรองต่อ รวมทั้งปรับปรุงสิ่งใหม่ให้สามารถใช้ได้จริง